ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
๑. คนดีมีความสามารถแม ้อยู่ในเมืองศัตรูก็ยังมีคนเชิดชูได้เสมอ
๒. ผู้เป็นกษัตริย์ย่อถือความสัตย์เป็นสิ่งประเสริฐที่สุด
๓. ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย เช่น กา
มะนี
๔. ผู้ทีทากิจโดยอาศัยปฏิภาณไหวพริบและ
ความสามารถเฉพาะตนจะประสบความสาเร็จในชีวิต
ได้
๕. บ้านเมืองที่ประกอบไปด้วยกษัตริย์ ที่อยู่ในความ
สัตย์ เสนาอามาตย์ม ีความสามัคคี เชื่อฟัง
ผู้บังคับบัญชา และทหารที่มีความสามารถในการรบ
จัดเป็นบ้านเมืองที่แข็งแกร่ง เป็นที่เกรงขามของ
ประเทศทั่วไป และจะสามารถดารงเอกราชไว้ตราบนานเท่านาน
การพิจารณาคุณค่า
๑. คุณค่าด้านวรรณศิลป์มีการใช้สานวนโวหารสูง แม้จะใช้ประโยคยาวแต่ใช้ถ้อยคาภาษาและการเข้าประโยคท ี่สละสลวย
๑.๑ การใช้สานวนเปรียบเท ียบท ี่คมคาย เช่น
“พระเจ้ากรุงจีนยกมาครั้งนี้อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตกลงน้านองท่วมป่าไหลเชี่ยวมาเมื่อวสันตฤดูนั้นหา
สิ่งใดจะต้านทานมิได ้"
หมายถึง กองทัพของพระเจ้ากรุงจีนเป็นกองทัพที่ย ิ่งใหญ่ไม่ม ีใครสามารถต้านทานได้
๑.๒ ใช้คาคมให้คติเตือนใจ เช่น
" เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ สมเด็จอมรินทร์มายกให้
เรา เราก็มิได้ปรารถนา "
หมายถึง คนที่รักษาคาพูดถึงแม้จะนาทรัพย์อันมีค่ามาให้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
คาพูดที่เคยให้ไว้ได้"
๒. คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ
๒.๑ ความเชื่อถือในเรื่องฤกษ ์ เช่น ตอนพระเจ้ากรุงต้าฉิงยกทัมายังกรุงรัตนบุระอังวะก็ต้องรอให้ฤกษ ์ดี
ก่อนจะยกทัพมาได้
๒.๒ ขนบธรรมเนียมในการส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อตอบแทน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งประพฤติปฏิบัติ
ตามที่ฝ่ายตนร้องขอ หรือส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่ายหนึ่งทาตามท ี่ตนเองขอ เช่น การ
ส่งพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง เพื่อจะให้พระเจ้าอังวะอยู่ในอานาจออกมาถวายบังคมและ
ต้องการจะดูทหารราทวนขี่ม้าสู้กัน ครูไทยรัฐ โพธิ์พันธุ์ รส.บศ.
๒.๓ การรักษาสัจจะของบุคคลท ี่อยู่ในฐานะกษัตริย์ เช่น การรักษาคาพูดของพระเจ้ากรุงต้าฉิง เมื่อกา
มะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ทาอันตรายแก ่ผู้ใดเลย ตามที่ได ้พูดไว ้
๒.๔ ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เช่น สมิงพระรามแม้จะอาสารบให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจ
จริงแล้วก็ทาเพื่อบ้านเมืองของตน และยังคงจงรักภักด ีต่อพระมหากษัตริย์ของตน
๒.๕ การปูนบาเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ทาคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการสร้างกาลังใจและผูกใจคน
ไว ้ได้ ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อสมิงพระรามไม่รับบาเหน็จจากการอาสารบ
"อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมากมิได้รับบาเหน็
จรางวัลสิ่งใด นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดการจลาจล หรือข้าศึกมาย่ายีเหลือกาลังก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสา
อีกแล้ว"
ด้วยเหตุผลของพระเจ้าอังวะข้างต้น สมิงพระรามจึงต้องรับรางวัลในครั้งนี้
เนื้อเรื่องย่อ
พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งประเทศจีน ยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทอง ออกไป
ถวายบังคม และขอให้ส่งทหารออกมาขี่ม้าราทวนต่อสู้กันตัวต่อตัวกับกามะนีทหารเอกของเมืองจีน ถ้า
ฝ่ายกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ต้องยกเมืองให้ฝ่ายจีน แต่ถ้าฝ่ายจีนแพ้จะยกทัพกลับทันที พระเจ้ากรุงอังวะ
ประกาศหาผู้ท ี่จะอาสาออกไปรบกับกามะนี ถ้าสามารถรบชนะกามะนีทหารเอกของเมืองจีน จะโปรด
เกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระมหาอุปราชและแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง เมื่อสมิงพระรามทราบข่าว ก็ค ิดตึกครู
ไทยรัฐ โพธิ์พันธุ์ รส.บศ.
ตรองว่า หากจีนชนะศึกครั้งนี้ จีนคงยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อไปแน่ ควรคิดป้องกันไว้ก่อนจึง
อาสาออกรบแม้แรกๆ จะเกรงว่าการอาสารบนี้จะเป็น "หาบสองบ่า อาสาสองเจ้า" ก็ตาม โดยขอ
พระราชทานม้าฝีเม้าดีตัวหนึ่งและได ้เลือกม้าของหญิงหม้าย สมิงพระรามนาม้าออกไปฝึกหัด ให้รู้จก
ทานองรบรับจนคล่องแคล่วสันทัดดี พร้อมทั้งทูลขอ ขอเหล็กและตะกรวยผูกข้างม้าในระหว่างการรบ
สมิงพระรามเห็นว่า กามะนีมีความชานาญด้านการรบเพลงทวนมาก และยังสวมหุ้มเกราะไว ้แน่นหนา
สมิงพระรามจึงใช้อุบายว่าให้แต่ละฝ่ายแสดงท่าราให้อีกฝ่ายราตามก่อนที่จะต่อสู้กัน ทั้งนี้เพื่อจะคอย
หาช่องทางท ี่จะแทงทวนให้ถูกตัวกามะนีได้ เมื่อได้หลอกล ่อให้กามะนีราตามในท ่าต่าง ๆ จึงได้ช่องใต้
รักแร้กับบริเวณเกราะซ ้อนท ้ายหมวกท ี่เปิดออกได ้ สมิงพระรามจึงหยุดราให้ต่อสู่กันโดยทาท ีว่าสู้ไม่ได้
ขับม้าหนีของกามะนีเหนื่อย เมื่อได้ทีก็สอดทวนแทงซอกใต้รักแร้ แล้วฟันย้อนกลีบเกราะตัดศีรษะของ
กามะนีขาด แล้วเอาขอเหล็กสับใส ่ตะกรวยโดยไม่ให้ตกดิน นามาถวายพระเจ้ามณเฑียรทองเมื่อฝ่ายจีน
แพ้ พระเจ้ากรุงจีนก็สั่งให้ยกทัพกลับตามสัญญา พระเจ้ามณเฑียรทองพระราชทาน ตาแหน่งมหา
อุปราชและพระราชธิดา ให้เป็นบาทบริจาริกาแก่สมิงพระรามตามที่ได้ รับสั่งไว้